22 ตุลาคม 2559

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กับ กองทัพเรือ



ประวัติศาสตร์ชาติไทย
ได้จารึกไว้ถึงการสูญเสียพระองค์
ผู้เป็นศูนย์รวมใจไทยทั้งชาติ
...วันที่สิบสาม ตุลา สองห้าห้าเก้า
ดั่งไฟเผา ดวงใจ ไทยทั้งผอง
ด้วยสิ้นสูญ พระราชา น้ำตานอง
ประหนึ่งทอง มณีเลิศ เกิดหลุดลอย..

..มหากษัตริย์ ผู้ยิ่งใหญ่ ในพิภพ
มิอาจลบ ความดี มีใหญ่น้อย
ยังฝังอยู่ ความทรงจำ ดังย้ำรอย
ภาพยังคอย ติดตา ด้วยตราตรึง..

..ภาระกิจ ทั้งปวง ของปวงชน
พระองค์สน พระทัย ไม่นึกถึง
ความลำบาก ของตนไซร้ ไร้คำนึง
หวังให้พึ่ง ตนของตน จึงทนทำ..

..อันแห่งใด ในไทยนี้ ที่ลำบาก
พระองค์ฝาก พระบาท ยาตราล้ำ
ศึกษาแก้ ทุกอย่าง อย่างผู้นำ
พระองค์ทำ จนสำเร็จ เสร็จสมบูรณ์..

..แม้ป่วยไข้ เพียงใด ท่านไม่หยุด
ท่านต้องทรุด เพราะคนไทย ทำไทยสูญ
พระองค์สร้าง บ้างทำลาย ไม่เกื้อกูล
ท่านอาดูร เพราะคนไทย ไม่สามัคคี..

..ถึงเวลา แล้วหรือยัง คนทั้งชาติ
เรามาขาด ผู้นำไป ไร้ราศี
สืบปณิธาน ของพระองค์ จงทำดี
ให้ชาตินี้ มีสงบ พบความเจริญ..

..บนดอยสูง ใต้สุด หรือมุดน้ำ
พระองค์ทำ บันทึกไว้ ไม่ขาดเขิน
เป็นดำริ พระราชทาน สืบสานเดิน
ช่างไม่เกิน กำลัง พระปัญญา..

..อันโครงการฯ ราชดำริ ผลิดอกแล้ว
ช่างเพริศแพร้ว งามทั่วไทย ให้คุณค่า
ด้วยพระองค์ ทรงมี พระเมตตา
ไทยจึงน่า ชื่นอุระ พระบารมี..

..แม้เอาโลก ที่เราเห็น เป็นปากกา
เอานภา แทนกระดาษ สะอาดศรี
แล้วเอาน้ำ ทั้งหมด จรดปฐพี
ฤๅจะมี เขียนได้ ในพระคุณ..

..ดังนั้นจึง จารึกไว้ ในคามเขต
ส่งเสด็จ ในหลวง ห่วงอาสูร
ให้พระองค์ ทรงพัก หักอาดูร
ขอเทิดทูล พระองค์ท่าน ตราบวันตายฯ

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ควรมิควรแล้วแต่ทรงพระกรุณา

ในฐานะ ข้าราชการ,อดีตข้าราชการทหารเรือ
เพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนจ่าทหารเรือ รุ่น พ.ศ.๒๕๓๐ พรรคพิเศษ เหล่าทหารช่างยุทธโยธา(ไฟฟ้า)

หากจะขอกล่าวในสิ่งที่เป็นประสบการณ์ของผู้เขียน อาจเป็นอีกมุมมองหนึ่งของผู้ที่เกิดมาภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระองค์
เรานักเรียนจ่าทหารเรือ รุ่น 2530 ทุกนาย ล้วนแต่ต้องเกิดมาในรัชกาลของพระองค์ทั้งหมด เพราะย่อมไม่มีผู้ใดขะเกิดก่อน พ.ศ.2509 ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกนักเรียนจ่าทหารเรือในปีนั้น
เราทุกนายเกิดขึ้นลืมตาดูโลกครั้งแรก ล้วนต้องอยู่ในแผ่นดินที่พระองค์ปกครองดูแลทั้งสิ้น ต่างคนต่างมาจากทุกสารทิศในประเทศไทย เป็นชายไทย เชื้อชาติไทย สัญชาติไทยแท้โดยกำเนิด อาจจะต่างศาสนา ต่างสำเนียงภาษาตามภูมิภาค แต่ร้องเพลงชาติ และเพลงสรรเสริญพระบารมี ด้วยความพร้อมเพรียง มีพลังอย่างเข้มแข็ง ด้วยความจงรักภักดี ที่จะรับใช้ชาติโดยการปกป้องดูแลอธิปไตย ตามหน้าที่ที่ตนจะได้รับมอบหมาย
เริ่มชีวิตนักเรียนทหารในสังกัดกระทรวงกลาโหม ในส่วนของกองทัพเรือเป็นผู้รับผิดชอบ การเข้ารับการฝึกนี้ พวกเราได้รับเบี้ยเลี้ยง,เงินเดือน ในอัตราของนักเรียนทหารชั้นประทวน ก็ถือว่า เป็นผู้กินภาษีของชาวบ้านในการเลี้ยงชีพ จึงถือเป็นข้าราชการในระดับต้นแล้ว เพราะอายุราชการเริ่มนับหนึ่งแล้ว
ข้าราชการ คือ ข้ารับใช้การงานของพระราชา ดังนั้น หน้าที่รับผิดชอบในหน้าที่การงานเพื่อพระราชาคือ ในหลวงของบ้านเมือง ก็ต้องเริ่มขึ้นอย่างเต็มตัว
พระราชาในสยามประเทศที่เราอาศัยอยู่นั้นคือ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ แห่งราชวงศ์จักรี
ตั้งแต่เด็กพอจำความได้ ผู้เขียนจะเห็นภาพของพระองค์ในจอโทรทัศน์ ตามข่าวพระราชสำนัก ว่าพระองค์มีภาระกิจออกไปทั่วทุกพื้นที่ในประเทศไทย ได้รู้ได้เห็นว่าประเทศไทยมีสภาพป่าเขาทุรกันดาน มีความน่ากลัว, ความรุนแรงอย่างหลากหลาย แต่ด้วยความเป็นเด็ก ก็เพียงได้แต่ดูๆไปเท่านั้น แต่ในใจมีแต่ความรักความชื่นชมพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์เป็นอย่างมาก เพราะภาระกิจที่แสดงออกให้เห็นความเป็นผู้เสียสละ ด้วยความรักประชาชนอย่างจริงใจ
ในยามผู้เขียนเป็นเด็ก จำได้ว่าเพลงความฝันอันสูงสุด และเพลงสดุดีมหาราชา เป็นเพลงที่ตนเองพยายามร้องให้เพื่อนๆฟังหน้าห้องเรียนด้วยความภาคภูมิใจ เพราะประทับใจทั้งเนื้อร้องและทำนอง บอกไม่ได้จริงๆว่า เพลงทำไมถึงกินใจมากขนาดนั้น อาจเป็นเพราะผู้เขียนอยู่ในวงการทหารมาตั้งแต่เกิดก็เป็นไปได้ โดยได้เห็นความเป็นระเบียบของทหารในการเดินสวนสนาม ดูแล้วองอาจกล้าหาญ ยามข่าวการสงครามเกิดขึ้นแล้วหน่วยของพ่อผู้เขียนได้ออกรบ ทหารในหน่วยกลับมาก็มักจะเล่าถึงวีระกรรมที่ได้ประสบกันมาให้ได้ยิน เช่นการสงครามสู้รบที่ชายแดนเขมร สามารถรักษาบ้านเมืองเราเอาไว้ได้ แม้จะมีคนที่เป็นทหารที่เรารู้จักต้องตายไปบ้าง บาดเจ็บพิการบ้าง แต่ความมั่นใจที่ พระราชาไม่ทรงทอดทิ้งทหารนายใดเลย นี่แหละ คือ สิ่งที่ถูกนำไปประทับไว้ในดวงใจของผู้เขียน ทหารทุกคนที่ขณะผู้เขียนเป็นเด็ก ได้ยินคำพูดแล้ว ทุกนายพร้อมจะสละชีวิตตนมอบให้ในหลวง เพื่อรักษาประเทศเอาไว้!อย่างเต็มใจ
อีกทั้งกิจกรรมในค่ายทหาร ล้วนแต่ส่งเสริมให้ลูกหลานทหารได้มีจิตสำนึกในความรัก ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อย่างจริงจังอีกด้วย ทำให้ได้รับการปลูกจิตสำนึกอย่างมาก
เมื่อได้เข้ามารับการฝึกฝนในกองทัพเรือแล้ว กิจกรรมแรกที่ได้รับใช้อย่างใกล้ชิดที่สุดคือ งานพระราชพิธีเสด็จพระยุบาทยาทตราทางชลมาร์ท เพื่อทอดพระกฐิน ณ วัดอรุณฯ พย. 2530 เราได้ร่วมเป็นฝีพายในขบวนเรือ ด้วยความภาคภูมิใจ

ขออันเชิญพระราชกรณียกิจซึ่งเกี่ยวข้องกับทหารเรือมาเป็นบางส่วน เพื่อนะลึกถึงพระองค์ท่านอย่างไม่มีวันรู้ลืม






อ่านเพิ่มเติม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น