|
การนับเวลาในการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
1.การนับเวลาสำหรับขอพระราชทานครั้งแรก
1.1 ผู้ที่จบการศึกษาจากโรงเรียนทหาร ให้นับเวลาตั้งแต่วันขึ้นทะเบียนกองประจำการจนถึงปีที่ขอพระราชทาน (นับรวมเวลาที่อยู่ในระหว่างศึกษาและจบออกมารับราชการโดยต่อเนื่อง) ไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ จนถึงวันก่อนวันเฉลิมพระชนมพรรษาของปีที่ขอพระราชทาน 60 วัน
1.2 ผู้ที่บรรจุจากพลเรือน ให้นับตั้งแต่วันที่บรรจุเข้ารับราชการครั้งแรก ตามคำสั่งกระทรวงกลาโหมและได้รับเงินเดือนที่ได้รับจากเงินงบประมาณประเภทเงินเดือนและให้ถือตามระดับชั้นเงินเดือนเทียบกับยศทหารตามอัตราตำแหน่งที่ดำรงอยู่ ซึ่งจะต้องรับราชการต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ จนถึงวันก่อนวันเฉลิมพระชนมพรรษาของปีที่ขอพระราชทาน 60 วัน เช่นเดียวกัน (กรณีนี้หมายถึง นับวันชนวัน)
2. การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่ำกว่าชั้นสายสะพาย
ให้ขอพระราชทานได้ปีเว้นปี (ห้ามขอปีติดกัน) และต้องตรงตามชั้นยศด้วย เช่น ผู้ที่ดำรงยศ พ.ท. ขอพระราชทาน ต.ช. เมื่อปี 2529 ต่อมาในปี 2530 ได้เลื่อนยศเป็น พ.อ. จะขอพระราชทาน ท.ม. ยังไม่ได้เนื่องจากขอปีติดกัน จะขอพระราชทานได้ในปี 2531 เป็นต้น
3. การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพาย
ให้ขอพระราชทานได้เมื่อได้รับ ท.ช. เป็นชั้นตราสุดท้าย ครบ 3 ปีบริบูรณ์แล้ว การนับเวลา "3 ปีบริบูรณ์" ในทางปฏิบัติ คือ ให้นับตั้งแต่ปีถัดไปจากปีที่ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นรอง เช่น ได้รับ ท.ช. เมื่อ 5 ธ.ค. 2526
-ให้นับปีที่ 1 เมื่อ 5 ธ.ค. 2527
-ให้นับปีที่ 2 เมื่อ 5 ธ.ค. 2528
-ให้นับปีที่ 3 เมื่อ 5 ธ.ค. 2529
จึงขอพระราชทาน ป.ม. ได้ ในปี 2529 เป็นต้น
4. สำหรับผู้ที่ได้รับการพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ
เช่น เป็นวุฒิสมาชิก หรือปฏิบัติราชการการเมือง หรือกรณีอื่น ๆ อาจจะขอพระราชทานได้ทุกปีโดยไม่ต้องคำนึงถึงข้อกำหนดข้างต้น
1.การนับเวลาสำหรับขอพระราชทานครั้งแรก
1.1 ผู้ที่จบการศึกษาจากโรงเรียนทหาร ให้นับเวลาตั้งแต่วันขึ้นทะเบียนกองประจำการจนถึงปีที่ขอพระราชทาน (นับรวมเวลาที่อยู่ในระหว่างศึกษาและจบออกมารับราชการโดยต่อเนื่อง) ไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ จนถึงวันก่อนวันเฉลิมพระชนมพรรษาของปีที่ขอพระราชทาน 60 วัน
1.2 ผู้ที่บรรจุจากพลเรือน ให้นับตั้งแต่วันที่บรรจุเข้ารับราชการครั้งแรก ตามคำสั่งกระทรวงกลาโหมและได้รับเงินเดือนที่ได้รับจากเงินงบประมาณประเภทเงินเดือนและให้ถือตามระดับชั้นเงินเดือนเทียบกับยศทหารตามอัตราตำแหน่งที่ดำรงอยู่ ซึ่งจะต้องรับราชการต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ จนถึงวันก่อนวันเฉลิมพระชนมพรรษาของปีที่ขอพระราชทาน 60 วัน เช่นเดียวกัน (กรณีนี้หมายถึง นับวันชนวัน)
2. การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่ำกว่าชั้นสายสะพาย
ให้ขอพระราชทานได้ปีเว้นปี (ห้ามขอปีติดกัน) และต้องตรงตามชั้นยศด้วย เช่น ผู้ที่ดำรงยศ พ.ท. ขอพระราชทาน ต.ช. เมื่อปี 2529 ต่อมาในปี 2530 ได้เลื่อนยศเป็น พ.อ. จะขอพระราชทาน ท.ม. ยังไม่ได้เนื่องจากขอปีติดกัน จะขอพระราชทานได้ในปี 2531 เป็นต้น
3. การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพาย
ให้ขอพระราชทานได้เมื่อได้รับ ท.ช. เป็นชั้นตราสุดท้าย ครบ 3 ปีบริบูรณ์แล้ว การนับเวลา "3 ปีบริบูรณ์" ในทางปฏิบัติ คือ ให้นับตั้งแต่ปีถัดไปจากปีที่ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นรอง เช่น ได้รับ ท.ช. เมื่อ 5 ธ.ค. 2526
-ให้นับปีที่ 1 เมื่อ 5 ธ.ค. 2527
-ให้นับปีที่ 2 เมื่อ 5 ธ.ค. 2528
-ให้นับปีที่ 3 เมื่อ 5 ธ.ค. 2529
จึงขอพระราชทาน ป.ม. ได้ ในปี 2529 เป็นต้น
4. สำหรับผู้ที่ได้รับการพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ
เช่น เป็นวุฒิสมาชิก หรือปฏิบัติราชการการเมือง หรือกรณีอื่น ๆ อาจจะขอพระราชทานได้ทุกปีโดยไม่ต้องคำนึงถึงข้อกำหนดข้างต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น